ชวนดูหนัง Irreplaceable you : ไม่มีใครแทนเธอได้

มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์และล้อมวงสนทนาเรื่อง Irreplaceable you : ไม่มีใครแทนเธอได้ วันนี้จะถือโอกาสแบ่งปันประเด็นที่น่าสนใจเล็ก ๆ จากภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าของ Netflix ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคู่รักที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย

หากใครที่ยังไม่เคยดู เราขอสรุปเนื้อหาสั้น ๆ ให้คุณอ่านก่อน ภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องของคู่รักที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขากำลังวางแผนแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข แต่แล้วโลกทั้งใบของฝ่ายหญิงก็พังทลายลงเมื่อเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งระยะสุดท้าย

เมื่อรู้ว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย เธอจึงไม่อยากให้คนรักของเธอต้องเผชิญกับชีวิตที่โดดเดี่ยวหลังจากที่เธอจากไป เธอจึงเริ่ม วางแผนหาคู่ชีวิตใหม่ให้เขา โดยการแนะนำให้เขารู้จักกับผู้หญิงคนอื่น ๆ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตโดยไม่มีเธอ…

เราเชื่ออย่างนึงว่า การได้พบเจอใครสักคน ในช่วงเวลาหนึ่ง มักมีความหมายเสมอ แต่แค่เราอาจจะยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรเราถึงต้องเจอ คนบางคนมาเพื่อให้เราเรียนรู้จักความเข้มแข็ง ความเจ็บปวด ความกล้าหาญ หรือความรัก ไม่ว่าการพบเจอนั้นเพื่ออะไร เชิญชวนให้เปิดใจและโอบรับทุกสิ่งที่จะพบเจอในเส้นทางชีวิตนี้

บทบาทของแอ็บบี้ ทำให้เราเกิดการตั้งคำถามว่า จริงๆแล้ว การคิดแทนคนอื่นมันทำได้ไหม ความเป็นจริง การคิดนั้นมันเป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติของคนเรา ที่มักคิด คิดถึงอนาคต คิดถึงอดีต มองหาสิ่งที่ดีที่สุด เราสามารถคิดได้ แต่มันอยู่บนพื้นฐานของความจริงไหม ตัวเอกในเรื่องกำลังมองหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดให้กับคนรัก แต่คำว่าดีที่สุดของเธอนั้น มันอยู่บนพื้นฐานดีที่สุดแค่กับเธอคนเดียวหรือเปล่า

ดีที่สุดของเราอาจจะไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน แต่หากเป้าหมายของเราคือ ที่ดีสุดเพื่อเขา นั้นแปลว่า ก็ต้องผสมสัดส่วนความเป็นเขา มากกว่า ความพึงพอใจของเรา ว่ามั๊ย ตัวเอกของเรื่องพยายามที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนที่เธอรัก แต่เธออาจเผลอลืมไปว่า จริงๆแล้ว นั้นเป็นความต้องการของคนตรงหน้าหรือไม่

“You don’t have as much time as you think you do.”
-Myron-

บทของไมรอน คุณลุงสูงวัยที่ป่วยเป็นโรคร้ายใกล้ตาย หนึ่งในสมาชิกถักโครเชต์ เหมือนคนที่เข้ามาเตือนสตินางเอก เราเห็นความเป็นพื้นที่ปลอดภัย ในตัวละครนี้มาก บ่อยครั้งที่คุณลุงเองก็ไม่ชอบใจนักกับสิ่งที่แอ๊บบี้ทำ แต่เขาไม่เคยห้ามเลย เพียงแต่ให้ความเห็นในมุมมองของตนเอง แต่ก็พร้อมอยู่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับแอ๊บบี้ ไปช่วยแอ๊บบี้เลือกชุดให้แซมเพื่อใส่ไปออกเดต ไปแอบดูแซมออกเดตเป็นเพื่อนแอ๊บบี้…อื่นๆอีกมากมาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตือนเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะ

และอีกตอนที่เหมือนจะเป็นบทฉุกคิดของเรื่องนี้ บทนี้ไม่ได้ยินจากของไมรอน แต่เป็นเอสเตล ภรรยาของไมรอนที่เป็นคนบอกเล่าบทสนาระหว่างเธอและสามี ที่ได้พูดถึงเรื่องของแอ๊บบี้

“Just that you got your head so far up your ass
worrying about Sam and what’s gonna happen to him,
trying to control everything and predict all the what ifs,
and you’re missing out on the good part.
And what is that?
What is.
-Estelle-

การกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง จนลืมช่วงเวลาสำคัญ ในปัจจุบัน บางทีเราก็ลืมไปว่า ปัจจุบันนี้ก็จะกลายเป็นอนาคตในวันหน้า แต่น่าเสียดายที่เราพลาดที่จะเห็นทั้งความงดงามในปัจจุบันและในอนาคต เพราะเมื่ออนาคตกลายมาเป็นปัจจุบัน ตัวเราก็อยู่กับอนาคตข้างหน้าอีกเช่นเดิม

ในที่สุด Irreplaceable You ได้บอกเล่าเรื่องราวของความรัก การสูญเสีย และการยอมรับชีวิตในแบบที่มันเป็น ไม่ว่าความรักจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เราไม่สามารถควบคุมอนาคตของกันและกันได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า ให้ความรักเป็นพลังในการก้าวต่อไป แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะไม่มีคนที่เรารักอยู่เคียงข้างแล้วก็ตาม

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนมีความหมายในแบบของตัวเอง และความรักที่แท้จริงไม่ได้จบลงเมื่อเราต้องจากกัน แต่มันจะคงอยู่ในความทรงจำและหัวใจของเราตลอดไป ❤️


Comments

Leave a comment