แฮ็คสุขภาพ : ความลับของการกิน

วันนี้มีโอกาสได้ดูสารคดีใน Netflix เรื่อง แฮ็คสุขภาพ ตอน ความลับของการกิน ที่พูดถึงเรื่องความลับของสุขภาพ คือ เรื่องของ ลำไส้เพราะลำไส้เปรียบเสมือนสมองที่สองของมนุษย์ ในบทความนี้ เราจะมาสรุปข้อมูลที่น่าสนใจให้คุณอ่านกัน!

  • อะไรคือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเรา?
  • คนกินอาหารเหมือนกัน แต่ทำไมสุขภาพไม่เหมือนกัน?
  • ทำไมการลดน้ำหนักถึงยากขนาดนี้?

สารคดีเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามให้เราขบคิด พร้อมกับนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มตัวอย่าง 4 คนที่มีเป้าหมายด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน เช่น คนที่พยายามลดน้ำหนักแต่ไม่สำเร็จ หรือคนที่เคยเป็นนักแข่งกินแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหิวเลย

สารคดีพาเราไปสำรวจการเดินทางของอาหารตั้งแต่ปาก กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ตลอดจนทวารหนัก ออกมาเป็น อุนจิ

หนึ่งในประเด็นสำคัญของสารคดีคือ “เราไม่สามารถย่อยอาหารเองได้” แต่มีผู้ช่วยตัวน้อย ๆ คือ แบคทีเรียในลำไส้ หรือ ชุมชนจุลินทรีย์ (ไวรัส แบคทีเรีย ยีสต์ มนุษย์) ไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ยังมีบทบาทในการควบคุมฮอร์โมน ความรู้สึกหิว-อิ่ม ไปจนถึงอารมณ์และความเครียด

จุลินทรีย์มาจากไหน? ในสารคดี เล่าถึงการได้รับจุลินทรีย์ตั้งแต่เราเกิด เมื่อเราคลอดมาทางช่องคลอด เราก็จะได้สัมผัสแบคทีเรียในช่องคลอดของแม่ แล้วพอเราออกมา เราจะหันหน้าไปทางทวาร เราก็จะได้รับแบคทีเรียแล้ว แล้วพวกมันก็จะมาตั้งรกรากในร่างกายของเรา นั่นเลยเป็นชุมชนจุลินทรีย์แรก

และเราก็รับจุลินทรีย์อื่นๆตลอดการมีชีวิตของเรา จากสิ่งที่เรากิน สถานที่ๆเราไป คนที่เราจูบ สิ่งที่เราสัมผัส การออกกำลังกาย ความเครียด ประสบการณ์ในวัยเด็กทั้งดีและร้าย ก็คือทุกสิ่งที่เราพบเจอ หล่อหล่อมให้แต่ละคนมีจุลินทรีย์ที่เฉพาะตัว

เราจะไม่สามารถปลูกต้นไม้ที่แข็งแรงเพียงไม่กี่ต้นแล้วคาดหวังให้ป่าทั้งผืนกลับมาสมบูรณ์ได้ ป่าที่ดีต้องมีสมดุลของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ที่สามารถทำงานร่วมกันและอยู่รอดได้ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับ จุลินทรีย์ในร่างกายเรา

  • ในป่าที่สมบูรณ์ เราต้องมี
    I ต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์
    I แสงแดดและน้ำที่เพียงพอ
    I ดินที่อุดมไปด้วยสารอาหาร

สำหรับชุมชนจุลินทรีย์ในร่างกาย เราก็ต้องการ
I เส้นใยอาหารจากผักและผลไม้
I น้ำสะอาดและสารอาหารที่เหมาะสม
I การออกกำลังกายและความเครียดที่สมดุล

photo by canva

ทำไมฉันต้องกินผัก?

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมการกินผักถึงสำคัญสำหรับร่างกาย? แน่นอนว่า ผักอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และมีสารที่เป็นอันตรายน้อยกว่าอาหารแปรรูป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ถ้าเราเห็นกระบวนการย่อยอาหารจากภายในร่างกาย เราจะเห็นความแตกต่างระหว่างการย่อยอาหารแปรรูปและผักอย่างชัดเจน

ความแตกต่างระหว่างอาหารแปรรูปและผักในการย่อยอาหาร

หากหน้าท้องของเราโปร่ง เราจะเห็นกระบวนการย่อนอาหาร อาหารที่แปรรูป มันจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วมาก น้ำตาลจะพุ่งสูงขึ้นมาก เซลล์ต่างๆจะต้องกักเก็บสารอาหารนี้อย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างภาวะเครียดให้แก่เซลล์ เพราะมันไม่รู้ว่าจะเอาน้ำตาลพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ไหนดี ร่างกายต้องส่งไปทุกที่

ในทางกลับกัน ผักมีเส้นใยที่ช่วยให้การย่อยอาหารช้าลง ทำให้สารอาหารถูกดูดซึมช้าๆ และเคลื่อนที่ไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงลำไส้ใหญ่ ซึ่งเส้นใยจะกลายเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับจุลินทรีย์ในลำไส้ ระบบย่อยอาหารนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล โดยที่จุลินทรีย์ในลำไส้ก็ได้รับประโยชน์จากการกินเส้นใยเหล่านี้ มันเหมือนการเดินนานๆ มากกว่าวิ่งแข่ง

เริ่มจากการเปลี่ยนอาหารที่ทาน

แต่ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป

เพื่อให้จุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ได้ปรับตัว

สุขภาพที่ดี อาจเริ่มต้นจากการดูแลจุลินทรีย์ในร่างกายของคุณ!

ชุมชนจุลินทรีย์ในสังคมอุตสากรรม อาจไม่ดีต่อสุขภาพนัก และอาจจะนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมัน มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารการกิน วิธีการคลอดลูก สุขาภิบาล สิ่งแวดล้อม การกินยา สิ่งเหล่านี้มีผลต่อชุมชนจุลินทรีย์

อาหารที่เรากินทั่วไปนี้ มีสารอาหารน้อยมาก มันถูกทำให้บริสุทธิ์ จนไม่เหลือสารอาหาร จากวัตถุดิบดั้งเดิม การใส่สารเคมีและน้ำตาลในปริมาณสูง แต่เราไม่รู้ว่าควรกินอะไร เพราะมันถูกทำให้ดูน่าสนใจ มันดูดี แต่พอดูละเอียดแล้วกลับพบว่า เห้ยย น้ำตาลเยอะมาก

การทดลองเก็บอุจจาระเพื่อศึกษาชุมชนจุลินทรีย์พบว่า คนที่มีโรคหอบหืดหรือโรคอ้วนมักมีจุลินทรีย์ในร่างกายแตกต่างจากคนที่ไม่มีโรคเหล่านี้ โดยคนในสังคมอุตสาหกรรมจะมีความหลากหลายของจุลินทรีย์น้อยกว่าคนในสังคมที่ไม่พึ่งพาอุตสาหกรรม

การทดลองในแฝดที่เหมือนกัน โดยแฝดคนนึงเป็นโรคอ้วน อีกคนผอม ได้นำแบคทีเรียในลำไส้ของแฝดที่อ้วนและแฝดที่ผอมปลูกถ่ายในหนู หนูที่ได้รับแบคทีเรียจากแฝดที่อ้วนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า หนูที่ได้รับแบคทีเรียจากแฝดผอม แม้ว่าจะกินอาหารเหมือนกัน

การทดลองในคนที่มีอาการคล้ายซึมเศร้า พบว่าขาดแบคทีเรียในลำไส้ที่ผลิตสารเคมี ที่ส่งผลต่อสารเคมีในสมอง ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป และอาจก่อให้เกิดอาการคล้ายซึมเศร้า เมื่อนำจุลินทรีย์จากคนที่มีสุขภาพดีไปปลูกถ่ายในหนูปกติ พบว่า พวกมันอยากเห็นที่ที่มีแสงสว่างและมักจะอยากรู้อยากเห็น แต่ถ้าเราปลูกถ่ายจุลินทรีย์จากคนที่เป็นโรคซึมเศร้า พวกมันจะซุกตัวอยู่ในความมืดและเกิดความเครียด วิตกกังวลและซึมเศร้า

เราไม่สามารถเปลี่ยนยีนของเราได้

แต่เราสามารถเปลี่ยนจุลินทรีย์ของตัวเองได้

โดยการเปลี่ยนแปลงอาหารและวิถีชีวิต


  1. ฟังร่างกายตนเอง บ่อยครั้งเราก็เผลอให้เสียงอื่นๆ ในรูปของมือถือ สื่อต่างๆเข้ามาแทนที่เสียงของร่างกายเรา จนไม่ทันได้เรียนรู้ที่ความอิ่ม หรือ หิว
  2. กินผักผลไม้ที่หลากหลาย มากกว่า 20-30 ชนิด/สัปดาห์ : ผัก ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง โปรไบโอติก(อาหารหมักดองแบบดั้้งเดิม)เช่น โยเกิร์ต กิมจิ นัตโตะ และมิโสะ
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เจริญเติบโต
  4. ลดความเครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อความสมดุลของจุลินทรีย์
  5. ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช้เปลี่ยนแปลงแค่ช่วงๆ แต่คือการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ไปตลอดชีวิต

Comments

Leave a comment