แนวคิดเรื่องความเย็นร้อนของอาหาร เราจะพบได้บ่อยในการแพทย์แผนตะวันออก (eastern medicine) เช่น การแพทย์แผนไทย(Traditional Thai medicine; TTM) การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese medicine; TCM) หรือ อายุรเวทอินเดีย (Ayurveda) โดยมีหลักคิดว่า อาหารมีทั้งความเย็น ความร้อน หรือกลางๆ ที่ไม่เย็นและไม่ร้อนซะทีเดียว คือ เป็นอาหารที่กินแล้วร่างกายไม่ได้เสียสมดุลมากนัก…
บทความนี้เราจะแบ่งปันความรู้เล็กๆเกี่ยวกับอาหาร เย็นและร้อน
จุดเริ่มต้นของอาหาร
ธรรมชาติ คือสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่งมาก ตอนได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้ครั้งแรก รู้สึกได้เลยว่าหลงใหลในความไม่ธรรมดานี้ มันมีเหตุที่ทำให้เกิดผลเป็นอย่างนั้น …เอาละไม่อารัมบทให้มากความ มาดูความน่ารักของเรื่องนี้กันเถอะ
เคยได้ยินเรื่อง ความเย็นร้อนของอาหารกันไหม เช่นว่า ในวันที่ร่างกายร้อนต้องกินอาหารรสเย็นหน่อย เช่น พวกน้ำมะพร้าวหรือน้ำใบเตย หากวันใดร่างกายเย็น ก็ลองดื่มขิงร้อนๆสักแก้ว ร่างกายจะอุ่นขึ้น บทความนี้เราจะลองเล่าที่มา จากความเข้าใจและการอ่านของเรา แบ่งปันให้คุณผู้อ่านได้ลองพิจารณาตาม
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้อาหารเย็น-ร้อน
สภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่อาหารเติบโต
- อาหารจากพื้นที่ร้อน มักมีฤทธิ์เย็น : พืชที่เติบโตในเขตร้อน ต้องปรับตัวให้ตัวเองชื้นและมีน้ำมาก เพื่อความอยู่รอด พืชเหล่านี้จึงมีฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม, มะพร้าว, แตงกวา, กล้วยน้ำว้า
- อาหารจากพื้นที่เย็น มักมีฤทธิ์ร้อน : พืชที่เติบโตในเขตหนาว ต้องสะสมพลังงานมาก เพื่อให้ตัวเองอบอุ่นและอยู่รอดได้ เช่น เช่น ขิง, กระเทียม, หัวไชเท้า, พริกไทย (ส่วนมากมักเป็นพืชหัวเหง้า rhizome)
การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตต่อสภาพแวดล้อม
- สัตว์ในพื้นที่ร้อน มีเนื้อที่ย่อยง่ายกว่า ให้พลังงานต่ำกว่า (ฤทธิ์เย็นกว่า) เช่น ปลา, ไก่
- สัตว์ในพื้นที่หนาว มีไขมันสะสมสูง เมื่อกินเนื้อของพวกมัน จะได้รับพลังงานมาก (ฤทธิ์ร้อน) เช่น เนื้อวัว, เนื้อแกะ
- พืชใบใหญ่หรือบาง มักเติบโตในที่ชื้นหรืออากาศร้อน → มีฤทธิ์เย็น เช่น ใบบัวบก, ผักบุ้ง, ผักกาดขาว
- พืชใบเล็กหรือแข็ง มักเติบโตในที่แห้งแล้งหรืออากาศหนาว → มีฤทธิ์ร้อน เช่นโรสแมรี, โหระพา, ใบกระวาน
- พืชอวบน้ำ สะสมน้ำมาก, เติบโตในเขตร้อน → มีฤทธิ์เย็น เช่น ว่านหางจระเข้ , แตงกวา, แตงโม
- พืชที่เติบโตในดินแห้งหรือมีเปลือกแข็ง ทนต่อสภาพอากาศรุนแรง → มีฤทธิ์อุ่นหรือร้อน เช่น ถั่ว, เมล็ดงา, อัลมอนด์
- สัตว์เล็กหรือเคลื่อนไหวเร็ว ใช้พลังงานมาก, ไขมันต่ำ → ฤทธิ์เย็น เช่น กระต่าย, ไก่
- สัตว์ใหญ่หรือเคลื่อนไหวช้า มีพลังงานสะสมมาก → ฤทธิ์ร้อน เช่น วัว, หมูป่า
| อาหารหรือพืชที่มีแนวโน้มฤทธิ์เย็น | อาหารหรือพืชที่มีแนวโน้มฤทธิ์เย็น |
|---|---|
| เติบโตในพื้นที่ร้อน | เติบโตในพื้นที่หนาว |
| พืชใบใหญ่หรือบาง | พืชใบเล็กหรือแข็ง |
| พืชอวบน้ำ | พืชที่เติบโตในดินแห้งหรือมีเปลือกแข็ง |
| สัตว์เล็กหรือเคลื่อนไหวเร็ว | สัตว์ใหญ่หรือเคลื่อนไหวช้า |

หอยเป่าฮื้อ อาศัยในทะเลน้ำลึก(น้ำเย็น) -> ฤทธิ์ร้อน
หอยนางรม อาศัยในเขตน้ำตื้น อากาศอบอุ่น -> ฤทธิ์เย็น
ปลาไหล เป็นปลาน้ำจืด อาศัยในดินโคลน -> ฤทธิ์ร้อน
ปลาทะเล อาศัยในน้ำเค็ม อากาศเย็น -> ฤทธิ์ร้อน
เล่นแร่แปรธาตุ
แม้เราจะรู้แล้วว่าอาหารแต่ละอย่างมีฤทธิ์ร้อนหรือเย็น แต่ระหว่างทางก่อนที่อาหารจะเดินทางไปถึงปากเรา ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนฤทธิ์กันได้ ด้วยกรรมวิธีการทำอาหาร เช่น การกินผักสดย่อมเย็นกว่ากินผักที่ลวก ต้ม หรือ ผัด (เหมือนการเติมพลังงานความร้อนเข้าไปในอาหาร)นั่นเอง

คำถามชวนลอง
น้ำเย็น-น้ำร้อน ดื่มแล้วร่างกาย ร้อน หรือ เย็น
กินอย่างไร ให้สมดุล
น่าสนใจมากเกี่ยวกับภูมิปัญญาของคนโบราณ ที่ถ่ายทอดมาเป็นวัฒนกรรมการกินอาหาร เช่น ปลาแซลมอนดิบกับวาซาบิ อาหารทะเลมักมีฤทธิ์เย็นแต่พอได้วาซาบิที่มีฤทธิ์ร้อนมาช่วยคุม แถมช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และส่งเสริมการย่อยอีกด้วย, ข้าวมันไก่ตอนกับขิง, ขาหมูกับกระเทียม, หมูกระทะกับน้ำจิ้มพริกกระเทียม หรือชาร้อนที่อาม่าชอบดื่ม มีความเป็นด่างช่วยให้คล่องคอ และอื่นๆอีกมากมาย
เอาละ มาถึงตอนท้ายนี้ ก็หวังว่าบทความอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ชวนให้ผู้อ่านได้ลองสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ ในอาหารที่เรากินเข้าไป และหวังอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กให้เราได้ดูแลสุขภาพ ปรับร่างกายให้สมดุลกัน
สุดท้าย ก็ดูเหมือนเหมารวมได้ไม่หมดสักทีเดียวหรอกหนา ว่าพืช สัตว์ที่มีลักษณะแบบนี้จะต้องเย็นหรือร้อนตามที่เขาว่ากันไปซะหมด นั้นละเลยเป็นเสน่ห์ของธรรมชาติที่ให้เราค่อยๆค้นหา และทำความรู้จัก สังเกตกันไป ทั้งสิ่งรอบตัวและร่างกายของเรา 🍀
อโรคยา ปรมาลาภา
พุทธพจน์
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ


Leave a comment