บริหารเงินแบบพุทธ สุขแท้ที่ยั่งยืน

ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนตามหา บางทีเงินอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับสุขที่ยั่งยืน แล้วสุขที่ยั่งยืนเป็นอย่างไร?

เคยรู้สึกไหมว่าเราหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็รู้สึกว่าไม่พอ? หรือบางทีมีเงินมากขขึ้นก็ไม่รู้สึกสุขอย่างที่คิด? หรือบางทีความสุขอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “จำนวน” หรือ “มูลค่า” แต่จะขึ้นอยู่กับ “คุณค่า” ของสิ่งที่ได้มาจากการใช้เงินนั้น

ในหลักของพระพุทธศาสนาจะมีแนวทางการบริหารเงินที่มีความสมดุล ที่จะให้ความสุขกับตัวเอง ทั้งยังสร้างคุณค่าให้กับผู้คนรอบข้างด้วย

| ความสุขของคฤหัสถ์ 4 ประการ หรือที่เรียกว่า คิหิสุข 4 (อันนนาถสูตร)

ที่จริงแล้วในทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงความสุขไว้หลายแง่หลายมุม ในที่นี้จะหยิบยกเฉพาะแง่มุมการบริหารเงินของชาวบ้านเท่านั้น

ในพระไตรปิฎกได้กล่าวถึงสุขของคฤหัสถ์ หรือ คิหิสุข หรือ กามโภคีสุข 4 (สุขของชาวบ้าน, สุขที่ชาวบ้านควรพยายามเข้าถึงให้ได้สม่ำเสมอ, สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี) ได้แก่

  1. สุขจากการมีทรัพย์ – คือความสุข ความภูมิใจ จากการหาเงินได้อย่างสุจริต ไม่ใช่เพียงเพราะมีเงินมาก แต่เพราะรู้ว่าเงินนั้นได้มาด้วยความพยายามของตัวเอง
  2. สุขจากการใช้ทรัพย์ – คือความสุข ความภูมิใจ จากการใช้เงินที่หามาโดยสุจริต ดูแลตัวเอง คนอื่น และบำเพ็ญประโยชน์ได้
  3. สุขจากความไม่มีหนี้ – คือความโล่งใจที่ไม่ต้องเป็นหนี้หรือมีภาระการเงินที่หนักเกินไป
  4. สุขจากการทำความดี – คือความสุขจากการประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครๆก็ไม่สามารถติเตียนเราได้

ในหมวดธรรมนี้นอกจากจะกล่าวถึงความสุขที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเงินทองแล้ว ยังกล่าวถึงความสุขจากการทำความดีด้วย ท่านได้กล่าวถึงขนาดว่าถึงจะรวมความสุข 3 ข้อแรกเข้าด้วยกัน (สุขจากการมีทรัพย์, ใช้ทรัพย์, ไม่มีหนี้) ก็ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของสุขที่เกิดจากการทำดีทางกาย วาจา ใจได้เลย

Image by 3D Animation Production Company from Pixabay

| หลักในการจัดสรรทรัพย์ 4 (โภควิภาค 4)

ในเมื่อมีรายได้เข้ามา จะมองแต่เรื่องการใช้อย่างเดียวก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็ทรงตรัสถึงการแบ่งรายได้ออกเป็นกองๆ เพื่อเป็นการจัดสรรรายได้ ให้รู้จักใช้รู้จักออมเช่นกัน

หลักการจัดสรรรายรับที่ได้มาในทางพระพุทธศาสนาจะแบ่งเป็น 4 ส่วน (3 กอง) ด้วยกัน คือ

กองที่ 1 : 1 ส่วน คิดเป็น 25% ใช้สำหรับเลี้ยงดูตนเอง, เลี้ยงดูคนที่ควรบำรุง เช่น คุณพ่อ คุณแม่ บุพการี เป็นต้น และยังเป็นส่วนที่ใช้เพื่อทำประโยชน์ต่างๆ เช่น ทำทาน เป็นต้น
กองที่ 2 : 2 ส่วน คิดเป็น 50% ในส่วนนี้ท่านว่าให้ใช้ในการลงทุนประกอบการงาน คือ หาวิธีให้เงินงอกเงยต่อออกไปอีก ไม่ได้ให้ใช้อย่างเดียว
กองที่ 3 : 1 ส่วน คิดเป็น 25% ส่วนนี้ท่านให้เก็บไว้เลย เผื่อในยามจำเป็น เป็นเงินฉุกเฉินนั่นเอง

ซึ่งก่อนที่จะแบ่งเป็นกองๆ เราอาจจะตัดค่าใช้จ่ายประจำต่างๆออกไปก่อน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร เป็นต้น แล้วค่อยนำส่วนที่เหลือมาแบ่งเป็นส่วนๆ อีกทีหนึ่ง

การแบ่งลักษณะนี้อาจจะดูเหมือนว่าแต่ละเดือนๆ ได้ใช้นิดเดียวเอง ซึ่งต้องบอกว่าในทางพระพุทธศาสนานั้น มองถึงความสุขที่ยิ่งไปกว่าการมีสิ่งของมาปรนเปรอตัวเอง (อามิสสุข) นั่นก็คือความสุขที่สามารถเกิดขึ้นได้จากจิตใจที่ดีนั่นเอง หรือเรียกว่าความสุขที่ไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุ (นิรามิสสุข)

ถึงแม้จะบอกว่ามองไปถึงสุขที่ยิ่งขึ้นไปก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความสุข (อามิสสุข) ที่ได้มาโดยชอบธรรม เพียงแต่ไม่หมกมุ่นอยู่ในความสุขแต่เพียงขั้นนี้เท่านั้น

แนวทางนี้ไม่ได้แค่ช่วยให้เรามีวินัยทางการเงิน แต่ยังเป็นการฝึกใจให้พึ่งพาวัตถุน้อยลง และเข้าถึงสุขที่แท้จริงได้มากขึ้น

Image by Kevin Schneider from Pixabay

| หลักในการใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ 5 ประการ (อาทิยสูตร)

เมื่อทราบเรื่องของการจัดสรรแบ่งกองเงินแล้ว ทีนี้ก็มาดูในส่วนของการใช้จ่ายบ้าง

ในเรื่องการใช้จ่ายนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงประโยชน์จากการใช้จ่าย 5 อย่างด้วยกัน คือ

  1. ใช้จ่ายเพื่อดูแลตัวเอง ดูแลพ่อแม่ พี่น้อง บริวาร ให้เกิดความสุข
  2. ใช้จ่ายเพื่อมิตร สหาย ให้เกิดความสุข
  3. ใช้เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากไฟ น้ำ พระราชา (โดนยึดทรัพย์) โจร และจากทายาทที่ไม่ชอบกัน
  4. ทำพลี 5 ประการ (พลี หมายถึง การเพื่อช่วยหรือบูชา)
    • สงเคราะห์ญาติ
    • ต้อนรับแขก
    • อุทิศให้กับญาติที่เสียไปแล้ว
    • เสียภาษี
    • ทำบุญอุทิศให้เทวดา
  5. ใช้เพื่อสนับสนุนผู้มีศีลมีธรรม

จากการใช้จ่ายทั้ง 5 ประการนี้ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์จะไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนใจ เพราะเราจะรู้สึกว่าการใช้จ่ายของเราเป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่นด้วย ย่อมทำให้เกิดความสบายใจได้

พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ทิ้งท้ายถึงบุคคลที่กระทำตามแบบอย่างนี้อย่างนี้ว่า

“โภคทรัพย์ เราได้บริโภคแล้ว
คนที่ควรเลี้ยง เราได้เลี้ยงแล้ว
อันตรายทั้งหลาย เราได้ข้ามพ้นแล้ว
ทักษิณาที่มีผลสูงขึ้นไป เราได้ให้แล้ว
และพลี 5 อย่าง เราได้ทำแล้ว
ท่านผู้มีศีลสำรวมระวัง ประพฤติพรหมจรรย์ เราได้บำรุงแล้ว
ประโยชน์ที่บัณฑิตผู้อยู่ครองเรือนปรารถนา เราก็ได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
กรรมที่ไม่ก่อความเดือดร้อนในภายหลัง เราก็ได้ทำแล้ว”

ชื่อว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในอริยธรรม
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้
เขาตายไปแล้ว ย่อมบันเทินในสวรรค์

| เงินที่ใช้ถูกทาง คือเงินที่สร้างความสุขที่แท้จริง

เงินเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตในสังคมจริง แต่ก็อย่าลืมไปว่าเงินเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต ความสุขที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีเงินมากแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักใช้มันอย่างไร

เงินที่บริหารอย่างดีย่อมก่อให้เกิดความมั่นคง และความสบายใจได้

ความสำคัญของการมีเงิน คือการใช้เป็น ให้เกิดประโยชน์จากเงินที่มี ทั้งประโยชน์เพื่อตนและเพื่อผู้อื่นด้วย จึงจะเป็นคุณค่าของตนผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า “เงิน” นี้ แล้วสุขแท้ที่ยั่งยืนในใจย่อมเกิดขึ้น

การบริหารเงินตามแนวทางพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่การเก็บออม หรือใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่านั้น แต่คือการใช้เงินอย่างมีสติ ใช้อย่างรู้คุณค่า และแบ่งปันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สุดท้ายแล้ว เงินที่ใช้ไปอย่างถูกต้อง คือเงินที่ไม่เพียงทำให้เราสบายใจ แต่ยังทำให้ชีวิตมีความหมาย และส่งต่อความสุขให้กับผู้อื่นได้ด้วย


Comments

Leave a comment