เปลี่ยนนิสัยการใช้เงินให้ดีขึ้น ด้วยหลักการออมเงินที่เหมาะกับคุณ

เปลี่ยนนิสัยการใช้เงินให้ดี ด้วยหลักการออมเงินที่เหมาะกับคุณ

| ออมเงินทำไมกันนะ ?

ความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตคนเรา คือ การมี-การใช้ทรัพย์ส่วนตัวครับ เลยเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราให้ความสำคัญกับ “เงิน” มากๆเลย

ดังนั้นการที่เราวางแผนกับการเงินจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพื่อให้เราสามารถวางแผนกับการใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคตได้ครับ เป้าหมายในอนาคตของเราก็จะสำเร็จได้จากการวางแผนของเราเองครับ การออมเลยเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลย

| มีหลักในการออม ช่วยได้เยอะ

ในการออมเงินเราควรจะมีหลักในการออมอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ง่ายต่อการคิด วิเคราะห์ หรือแม้แต่การคาดการณ์การเงินในอนาคต เพื่อวางแผนในการเก็บออม หรือใช้สอย ลงทุนต่างๆอย่างไร

หลักในการออมจะมีอยู่หลากหลายวิธีการ วันนี้จะมาจัดประเภทหลักๆ และยกตัวอย่างหลักการของแต่ละประเภทกัน

image from Pixabay (https://pixabay.com/photos/money-coin-investment-business-2724241/)
  1. การแบ่งรายได้ออกเป็นกอง

ตัวอย่างวิธีการออมที่อยู่ในประเภทนี้ครับ

  • 50/30/20
    เป็นระบบที่ค่อนข้างแพร่หลายในการจัดการการเงินส่วนตัว ซึ่งเป็นวิธีแบบง่ายๆ และไม่ตึงเครียดมากนัก โดยเป็นการแบ่งสัดส่วนรายได้หลังจากหักภาษีเรียบร้อยแล้วเป็น 3 กอง ดังนี้
    • 50% สำหรับค่าใช้จ่ายประจำที่เป็นความต้องการพื้นฐาน (Needs)
      เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าเดินทาง, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าเครื่องใช้จำเป็นประจำ (รวมถึงค่าอาหารด้วย) เป็นต้น
    • 30% สำหรับค่าใช้จ่ายที่เป็นความต้องการส่วนตัวนอกเหนือจากความต้องการพื้นฐานแล้ว (Wants)
      เช่น งานอดิเรก, การท่องเที่ยว, ความบันเทิงต่างๆ หรืออาจจะเป็นมื้ออาหารพิเศษ เป็นต้น
    • 20% สำหรับการออม (Saving)
      ในกองนี้จะเป็นไปเพื่อการออม โดยอาจจะเป็นการออมที่มีเป้าหมาย เช่น เพื่อทริปเดินทางที่มีค่าใช้จ่ายมากหน่อย, เพื่อซื้อรถคันใหม่, การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน, การออมเพื่อเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เป็นต้น
  • โภควิภาค 4
    เป็นตัวอย่างวิธีการออมของพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสิงคาลกสูตร(1) โดยเป็นการแบ่งรายได้(2)ออกเป็น 4 ส่วน ส่วนละ 25%
    • 25% สำหรับตนเอง และคนอื่นที่เราดูแล
    • 50% สำหรับลงทุนต่างๆ
    • 25% สำหรับเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด

(1) การแบ่งทรัพย์ออกเป็น 4 ส่วนในสิงคาลกสูตร (ที.ปา. 11/265)
(2) แม้ว่าในพระไตรปิฎกจะไม่ได้อธิบายละเอียดมาก ผมมองว่าควรจะเป็นรายได้ที่หักภาษี และหักค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานก่อนแล้ว

ทั้ง 2 วิธีนี้ เป็นเพียงตัวอย่างการแบ่งกองเงินเป็นส่วนต่างๆ ซึ่งที่จริงแล้วการแบ่งกองเงินจะมีหลากหลายรูปแบบมากกว่านี้มากครับ โดยเราสามารถจัดสรรให้เหมาะกับการดำเนินชีวิตเราได้ครับ หรือ สามารถปรับสัดส่วนการแบ่งกองตามช่วงเวลา เช่น ช่วงนี้ควรออมมาก ช่วงนี้ควรลงทุนมากหน่อย ทำตามควาเหมาะสมได้เลย

image from Pixabay (https://pixabay.com/illustrations/piggy-bank-money-finance-banking-2889042/)

2. ทบทวนก่อน-หลังใช้จ่าย

ตัวอย่างของแนวทางนี้

  • Kakeibo (家計簿; คา-เค-โบะ หรือ คา-เค-อิ-โบะ)
    เป็นแนวทางของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นช่วงปีค.ศ. 1900 โดยนักวารสารศาสตร์หญิงคนแรกของญี่ปุ่น Mokoto Hani ผู้เป็นบรรณาธิการ และผู้ร่วมจัดพิมพ์นิตยสาร Fujin no tomo สิ่งพิมพ์สำหรับผู้หญิงที่คงอยู่ยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น

    Kakeibo มีความหมายว่าสมุดบัญชีครัวเรือน ที่ไม่ได้เพียงแค่บันทึกรายรับ-รายจ่าย แต่ยังเป็นแนวทางในการเตือนสติในการใช้จ่าย และเน้นการทบทวนรายรับ-รายจ่ายหลังจากสรุปยอดแล้วอีกด้วย

    ในส่วนของบันทึกนั้น จะมีการแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ด้วยกัน คือ
    • Needs คือ ค่าใช้จ่ายความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต
    • Wants คือ ค่าใช้จ่ายต่อความต้องการนอกเหนือจากความต้องการพื้นฐาน
    • Extra คือ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน
    • Development คือ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาตัวเอง

ซึ่งส่วนสำคัญอีกส่วนนอกเหนือจากการบันทึก ที่ทำให้การวิธีนี้แตกต่างจากวิธีอื่นก็คือ การเตือนสติตัวเองด้วยคำถามต่างๆ ก่อนที่การใช้จ่ายจะเกิดขึ้นนั่นเอง

มาดูคำถามของวิธี Kakeibo กันดูครับ

สิ่งนี้มีความจำเป็นกับเราหรือเปล่านะ?
เงินของเรามีเพียงพอสำหรับสิ่งนี้หรือเปล่านะ?
ที่บ้านเรามีที่เก็บสิ่งนี้อยู่หรือเปล่านะ?
หากเราซื้อไปแล้วจะทำให้เรารู้สึกอย่างไรนะ?
เราจะใช้สิ่งนี้จริงๆ หรือเปล่านะ?
อะไรทำให้เราอยากได้สิ่งนี้นะ?

คำถามเหล่านี้จะทำให้เรากลับมาทบทวนตัวเองจริงๆ แล้วค่อยตัดสินใจที่จะซื้อหรือไม่ ไม่เป็นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น

การทบทวนเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยในการเตือนสติเรา และทำให้ของที่ซื้อมา เกิดประโยชน์ขึ้นมาจริงๆ ไม่อย่างนั้นของเต็มบ้านเราแน่นอนเลย

และหลังจากบันทึกรายรับ-รายจ่ายประจำเดือนแล้ว ก็จะต้องนำมาทบทวนอีกทีหนึ่งว่า

การใช้จ่ายที่ผ่านมายังอยู่ในงบที่คาดการณ์ไว้มั้ย
เกินงบไปหรือเปล่า
อะไรที่ซื้อมาในราคาสูง แต่เรากลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือประโยชน์น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
เราจะปรับปรุง แก้ไขในเดือนต่อไปอย่างไร

นี่ก็เป็นตัวอย่างแนวทางในการออมเงินสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นการกลับมาทบทวนตัวเอง ตั้งสติก่อนซื้อ และวางแผนอนาคต อีกทั้งยังช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นระเบียบด้วย เป็นแนวทางที่ดูน่าสนุกดีจังเลย

| ตัวช่วยในการออมก็มีนะ (Google sheets/Excel, App Money Mgr., etc.)

link to download: Money Mgr.
download template of google sheets

การออมหรือการบันทึกอาจจะรู้สึกว่ายุ่งยาก แต่ในทุกวันนี้สามารถทำได้อย่างง่ายได้ด้วย smartphone ซึ่งมี app มากมายให้เลือก วันนี้เลยแนะนำ app นึงเป็นตัวที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นดีครับ ชื่อว่า Money Mgr.

สำหรับ IOS: download
สำหรับ Android: download

| บทสรุป

หลักในการออมเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถคาดการณ์อนาคตการเงินของตัวเราเองได้ แม้จะมีหลากหลายรูปแบบ มีความยืดหยุ่นมาก-น้อยตาม ก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของเรา ซึ่งเรายังสามารถประยุกต์รวมหลักการต่างๆ เข้าด้วยกันได้อีกด้วย อย่างที่เราแบ่งกองเงินเป็นส่วนๆ แล้วยังสามารถที่จะตั้งคำถามกับตัวเองก่อนใช้จ่ายได้อีกด้วย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ความีวินัย” ในการออมครับ หากไร้ซึ่งวินัยในการออมแล้ว ผลสำเร็จก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย


Comments

Leave a comment