ประตูโทริอิ (Torii): สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ในญี่ปุ่น
เมื่อคุณเดินทางไปญี่ปุ่น สิ่งที่เห็นได้ทั่วไปและดึงดูดสายตาคงหนีไม่พ้น ประตูโทริอิ (Torii) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณศาลเจ้า วัด หรือแม้กระทั่งกลางทะเลและทะเลสาบ ประตูไม้สีแดงสดหรือบางครั้งเป็นหินนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่งดงาม แต่ยังเต็มไปด้วยความหมายและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

ความหมายของประตูโทริอิ
โทริอิเป็นประตูที่มีไว้เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเสมือนขอบเขตที่แยกโลกทางกายภาพออกจากโลกทางจิตวิญญาณ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อคุณเดินผ่านประตูโทริอิ คุณจะก้าวเข้าสู่พื้นที่อันบริสุทธิ์ที่เหล่าทวยเทพ (คามิ) พำนักอยู่
คำว่า “โทริอิ” ในภาษาญี่ปุ่น (鳥居) ประกอบด้วยคำว่า “โทริ” (鳥) ที่แปลว่านก และ “อิ” (居) ที่แปลว่าที่อยู่อาศัย เชื่อกันว่านก โดยเฉพาะอีกาและนกกระสา มีความเชื่อมโยงกับเทพเจ้าในศาสนาชินโต จึงอาจเป็นที่มาของชื่อโทริอิ
ประวัติความเป็นมาของประตูโทริอิ
โทริอิมีต้นกำเนิดย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 8 หรือก่อนหน้านั้นในยุคศาสนาชินโตเริ่มแพร่หลายทั่วญี่ปุ่น แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าโทริอิเริ่มต้นขึ้นที่ใด แต่ประตูเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อทางศาสนาและศิลปะจากจีนและอินเดีย
ในยุคแรก ประตูโทริอิส่วนใหญ่ทำจากไม้เรียบง่าย ต่อมาในยุคเอโดะเริ่มมีการออกแบบให้ซับซ้อนขึ้นและเพิ่มสีสัน เช่น สีแดงซึ่งเป็นสีที่เชื่อว่าช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

ความสำคัญของโทริอิในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
โทริอิไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างที่งดงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเคารพต่อธรรมชาติและเทพเจ้าในศาสนาชินโต ประตูเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าพื้นที่นั้นศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะศาลเจ้าที่ตั้งอยู่กลางป่า ภูเขา หรือริมชายฝั่ง
ในบางสถานที่ โทริอิกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น
• โทริอิกลางน้ำแห่งศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ในจังหวัดฮิโรชิม่า ที่ตั้งอยู่กลางทะเลและดูราวกับลอยได้ในยามน้ำขึ้น
• ประตูโทริอิที่เรียงรายเป็นทางเดิน อย่างศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari) ในเกียวโต ที่มีโทริอิสีแดงกว่า 10,000 หลัง เรียงกันไปตามเส้นทางขึ้นภูเขา

ทำไมประตูโทริอิถึงมีอยู่ทั่วญี่ปุ่น?
เหตุผลสำคัญคือศาสนาชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่นมีการนับถือธรรมชาติและเทพเจ้าหลากหลาย โทริอิเป็นตัวแทนของการสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ทุกที่ที่มีศาลเจ้าหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า มักมีโทริอิเป็นสัญลักษณ์
แม้ในสถานที่ห่างไกล เช่น กลางทะเลหรือยอดเขา ก็ยังมีโทริอิ เพื่อแสดงว่าพื้นที่นั้นเป็นที่สถิตของเทพเจ้า หรือเพื่อขอบคุณธรรมชาติที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้มนุษย์
โทริอิในมุมมองของนักเดินทาง
สำหรับนักท่องเที่ยว ประตูโทริอิไม่ใช่แค่แลนด์มาร์คสำหรับถ่ายภาพสวย ๆ แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง
การได้เดินผ่านโทริอิที่ทอดยาวหรือชื่นชมประตูที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
สรุป
โทริอิไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ยังแฝงไว้ด้วยประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และความเคารพต่อธรรมชาติและเทพเจ้า การไปเยือนประตูโทริอิที่ญี่ปุ่นจึงไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและแนวคิดที่เชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ครั้งหน้าที่คุณมีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่น อย่าลืมลองหยุดชมโทริอิด้วยมุมมองที่ลึกซึ้งขึ้น คุณอาจจะพบว่าประตูแห่งนี้ไม่ใช่แค่ทางผ่านธรรมดา แต่เป็นเส้นทางสู่ความสงบในจิตใจของคุณเอง



Leave a comment